25510529

+ น้ำท่วมโลก!!

.+ [ น้ำท่วมโลก!! ] +.



รายชื่อเมืองที่จะจมอยู่ใต้น้ำ 160 เมตร ประมาณ พ.ศ.2563

เริ่มที่อเมริกาเหนือ
1.นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ประชากรประมาณ 24,857,000 คน
2.ฟิลาเดนเฟีย สหรัฐอเมริกา ประชากรประมาณ 7,452,300 คน
3.ลอส แอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ประชากรประมาณ 16,927,620 คน
4.โทรอนโต แคนาดา ประชากรประมาณ 9,258,400 คน
5.ออสตาวา แคนาดา ประชากรประมาณ 12,638,450 คน
6.ฮาวานา คิวบา ประชากรประมาณ 7,524,000 คน

อเมริกาใต้
7.การากัส เวเนซุเอรา ประชากรประมาณ 12,856,000 คน
8.บัวโนสใฮเรส อาร์เจนตินา ประชากรประมาณ 5,492,000 คน
9.โบโกตา โคลอมเบีย ประชากรประมาณ 14,584,900 คน
10.เซาเปาลู บราซิล ประชากรประมาณ 8,243,000 คน
11.ซาติเอโก ชิลี ประชากรประมาณ 11,859,200 คน

ไปดูยุโรปบ้าง
12.ลอนดอน อังกฤษ ประชากรประมาณ 18,672,000 คน
13.เฮงซิงกิ ฟินแลนด์ ประชากรประมาณ 7,473,600 คน
14.ปารีส ฝรั่งเศส ประชากรประมาณ 17,253,000 คน
15.สตอสโฮร์ม สวีเดน ประกรประมาณ 12,854,000 คน
16.อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ ประชากรประมาณ 8,967,000 คน
17.ดับลินไอร์แลนด์ 4,982,400 คน

ไปดูแถบเอเชียบ้านเรากัน
18.โตเกียว ญี่ปุ่น ประชากรประมาณ 34,749,000 คน
19.นางาซากิ ญี่ปุ่น ประชากรประมาณ 21,746,450 คน
20.โซล เกาหลีใต้ ประชากรประมาณ 9,255,000 คน
21.ไทเป ใต้หวัน ประชากรประมาณ 18,792,000 คน
22.เซี่ยงไฮ้ จีน ประชากรประมาณ 16,482,900 คน
23.ฮ่องกง จีน ประชากรประมาณ 17,784,000 คน
24.ฮานอย เวียดนาม ประชากรประมาณ 15,644,200 คน
25.กรุงเทพมหานคร ไทย ประชากรประมาณ 11,584,700 คน
26.สิงคโปร์ซิตี้ สิงคโปร์ ประชากรประมาณ 3,257,000 คน
27.ย่างกุ้ง พม่า ประชากรประมาณ 4,922,000 คน

ลงไปออสเตรเลีย
28.ซิดนี่ย์ ออสเตรเลีย ประชากรประมาณ 18,351,400 คน
29.วิกตรอเรีย ออสเตรเลีย 8,445,000 คน
30.เวงลิงตัน นิวซีแลนด์ ประชากรประมาณ 4,799,520 คน


น่ากลัวจังมีกรุงเทพเราติดอันดับด้วย ช่วยกันรักษาโลกเราด้วยนะเผื่อจะได้ไม่มีน้ำท่วมโลก ...


- - - - - - - - - - - - - - - - - -


25510523

+ แว่นตา .. สำหรับคนหน้าคอม!





.+ [ แว่นตา .. สำหรับคนหน้าคอม! ] +.






อินเตอร์เน็ตได้ปรับเปลี่ยนโฉมหน้าให้โลกปัจจุบันกลายเป็นโลกไร้พรมแดน
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์จึงเข้ามามีบทบาทอย่างมากมายในชีวิตประจำวัน ไม่เว้นแม้แต่เด็ก
ก็ยังต้องใช้ในการทำรายงานส่งครู เล่นเกม ตลอดจนติดต่อสื่อสารและคุยเล่นเอ็มกัน
วันนี้เลยเอาใจคนที่มีปัญหาเรื่องสายตามากเป็นพิเศษ


สิ่งใดมีคุณก็มักจะแฝงด้วยโทษเสมอ ผู้ใช้อุปกรณ์นี้นานเกินไปหรือไม่เหมาะสม
อาจก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่เรียกกันว่า
“computer syndrome”
ซึ่งหมายถึง
กลุ่มอาการต่างๆ ที่เกิดหลังการใช้คอมพิวเตอร์ ซึ่งมักเกิดกับกล้ามเนื้อ กระดูก และดวงตา
ได้แก่ อาการปวดเมื่อยต้นคอ บริเวณหัวไหล่ หลัง เมื่อยมือ ปวดนิ้ว ร่วมกับอาการทางตา
ที่เรียกกันว่า
“computer vision syndrome”
ได้แก่ อาการปวดตา แสบตา ตาแห้ง ตามัว
ปวดเบ้าตา ปวดศีรษะ เป็นต้น


จากการศึกษาพบว่าบรรดาจอภาพคอมพิวเตอร์ต่างๆ ล้วนมีรังสีหลายชนิดทั้งที่มองเห็น
และไม่เห็นด้วยตา ได้แก่ รังสีเอกซ์ รังสียูวี อินฟาเรด ตลอดจนรังสีขนาดความถี่ของคลื่นวิทยุ
(
radio frequency emission)
แต่อยู่ในจำนวนที่น้อยมาก น้อยกว่าระดับเกณฑ์มาตรฐาน
ความปลอดภัยที่ตั้งไว้ เช่น รังสีเอกซ์ ตั้งไว้ไม่เกิน
2.5 หน่วย ก็มีเพียง 0.3
หน่วย รังสียูวี
ตั้งไว้ไม่เกิน
1,000 หน่วย ก็มีเพียง 0.65
หน่วย รังสีขนาดความถี่ของคลื่นวิทยุให้ไว้ได้
40,000 หน่วย ก็ตรวจพบเพียง 5,000 หน่วย เป็นต้น



จึงค่อนข้างเชื่อได้ว่ารังสีที่ออกมาจากอุปกรณ์เหล่านี้ไม่ก่อให้เกิดอันตรายที่ร้ายแรงต่อตา
แต่คนที่ทำงานหน้าคอมพิวเตอร์นานๆ มักเกิดอาการไม่สบายตาได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
ประมาณกันว่าตาคนเราสามารถปรับโฟกัสให้เห็นชัดดีในภาพที่มีขอบเขตชัดเจนมี
contrast
ที่ดี
แต่ภาพที่เกิดจากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เกิดจากจุดเล็กๆ หลายจุดที่เรียกกันว่า
พิกเซล” (pixel)
ซึ่งมาจากคลื่นไฟฟ้าในเครื่องวิ่งไปชนกับพื้นหลังของจอที่เคลือบด้วยฟอสฟอรัส
ลักษณะของพิกเซลแต่ละจุดมีความสว่างไม่เท่ากัน สว่างมากตรงกลางและจางลงบริเวณขอบๆ
ขอบจึงไม่ชัด ถ้าปรับเครื่องไม่ดีจะเห็นเป็นแสงกระพริบ ดังนั้นตาเราปรับโฟกัสภาพบนจอได้ไม่ดี
ทำให้เกิดการเพ่งโดยอัตโนมัติ การต้องเพ่งอยู่นานๆ นำมาซึ่งอาการของ
computer vision syndrome
ที่แต่ละคนจะเกิดมากน้อยแตกต่างกันไป เนื่องจากลักษณะ
ของตัวคอมพิวเตอร์เองดังกล่าวข้างต้น ตลอดจนการจัดโต๊ะทำงาน ปรับแสงที่ไม่ถูกต้อง งานที่เร่ง
และมากเกินไป ที่สำคัญก็คือสายตาของผู้ใช้ ซึ่งพบว่า
แว่นตาเข้ามามีบทบาทมากทีเดียว







กำลังสายตาที่ถูกต้อง คนที่ใช้แว่นสายตาสั้น ยาว เอียง และมีอายุน้อยกว่า 40 ปี
มีความสามารถเพ่ง
(accommodation)
ที่ดี มักไม่มีปัญหาอะไร ยังคงใช้แว่นที่ใช้ตามปกติได้
สำหรับผู้มีสายตาสั้นไม่มากอาจทำงานกับคอมพิวเตอร์โดยไม่ต้องใช้แว่นก็ได้ แต่ปัญหา
กำลังสายตาสำหรับผู้มีอายุเกิน
40 ปี มีภาวะสายตาผู้สูงอายุ(prosbyopia)
ซึ่งมักมีแว่นมองใกล้ที่ใช้อ่านหนังสือเป็นแว่นที่ใช้ในระยะ 12-15 นิ้ว

แต่การใช้คอมพิวเตอร์จะอยู่ที่ระยะไกลกว่า คือ ประมาณ 18-28 นิ้ว
หรืออาจเรียกว่า
เป็นสายตาระหว่างกลาง (
intermediate vision)
การทำแว่นเพื่อใช้กับคอมพิวเตอร์
จึงควรใช้กำลังเลนส์ที่คมชัดระยะ
18-28 นิ้ว หรือประมาณ 40-60%
ของแว่นอ่านหนังสือ
อีกประการหนึ่ง เวลาเราอ่านหนังสือ ตาจะเหลือบลงต่ำ
20-30
องศา ในขณะที่มองคอมพิวเตอร์
จะเหลือบลงต่ำเพียง
10-15 องศา ดังนั้นจุดชัดของแว่นต้องคำนึงถึงตรงนี้ด้วย

ตามทฤษฎีแล้วการทำแว่นเพื่อใช้กับคอมพิวเตอร์น่าจะมีการวัดสายตาด้วยแผ่นวัดสายตา
ที่เลียนแบบอักษรที่ปรากฏบนจอคอมพิวเตอร์ที่เป็นภาพมีแสงกระพริบ ขอบเขตไม่ชัดเจน
แต่ในทางปฏิบัติเพื่อความสะดวกยังคงใช้แว่นวัดสายตาของ
Snellen
ที่ใช้กันทั่วไปที่เป็นภาพนิ่ง
ขอบชัด มี
contrast ที่ดี จึงอาจได้ค่าสายตาที่ไม่ถูกต้องนัก แต่ก็พออนุโลมให้ใช้ได้





รูปแบบแว่นสายตา อาจเป็นแว่นชั้นเดียว 2 ชั้น 3 ชั้น หรือแว่นหลายชั้น
ที่ไร้รอยต่อ (
progressive lens)

แว่นชั้นเดียว เลือกกำลังที่เหมาะสำหรับระยะการใช้งาน
18–28 นิ้ว ใช้สำหรับ
ทำคอมพิวเตอร์อย่างเดียว ราคาถูก แต่มองใกล้ๆ หรือไกลไม่ได้แว่น
2
ชั้น ที่ใช้กันทั่วไป
ชั้นบนใช้มองไกล ชั้นล่างใช้อ่านหนังสือหรือมองใกล้ ซึ่งแว่นแบบนี้ไม่เหมาะสำหรับใช้กับ
คอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นสายตาระหว่างกลางทำให้มองไม่ชัด อีกทั้งผู้ใช้มักจะต้องแหงนหน้า
มากกว่าปกติทำให้ปวดเมื่อยต้นคอได้


แว่น 2 ชั้นที่ใช้กับคอมพิวเตอร์อาจทำเป็นเลนส์บนมองไกล เลนส์ล่างใช้ระยะ
18–28 นิ้ว
สำหรับมองคอมพิวเตอร์ แต่จะมีข้อเสียคืออ่านหนังสือใกล้ไม่ชัด หรืออาจเลือกเลนส์บน
มองคอมพิวเตอร์ เลนส์ล่างดูหนังสือ แบบนี้ข้อเสียคือมองไกลไม่ชัด จะตัดสินใจเลือก
เลนส์ชนิดไหนคงต้องขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าใช้สายตามองไกล มองคอมพิวเตอร์ ดูหนังสือ
ระยะไหนมากกว่ากัน


แว่นหลายชั้นไร้รอยต่อ
นอกจากเป็นแว่นพรางอายุแล้ว ยังเป็นแว่นที่ใช้มองคอมพิวเตอร์
ได้ดีที่สุด เพราะมีกำลังเลนส์ที่ลดหลั่นกันลงมา มองชัดทั้งระยะไกลมาจนใกล้ ในรูปแบบนี้
ถ้าเลนส์รุ่นเก่าๆ ระยะมองใกล้อาจจะแคบมาก อีกทั้งภาพด้านข้างมักจะบิดเบือนจากความเป็นจริง
เวลาที่ชำเลืองมองด้านข้างภาพที่เห็นบิดเบี้ยวจะทำให้เกิดอาการมึนงงได้ แต่ในปัจจุบัน
เลนส์ชนิดนี้ผลิตได้ดีขึ้นระยะมองใกล้กว้างขึ้น ภาพบิดเบี้ยวจากด้านข้างน้อยลง
อย่างไรก็ตามการใช้เลนส์ชนิดนี้ต้องฝึกสักระยะมักจะใช้การได้ดี


เลนส์ในกลุ่มนี้อาจทำให้เห็นชัดจากระยะ 1 เมตร เข้ามาถึงระยะอ่านหนังสือ
ทำให้เห็นเอกสารบนโต๊ะที่อยู่ไกลจากระยะคอมพิวเตอร์ได้ดี แต่คงไม่ชัดสำหรับการขับรถ





การทำเคลือบผิวเลนส์ (coating)
เป็นขบวนการเคลือบเลนส์ด้วยสารเคมีบางอย่าง
เพื่อกรองแสงจ้าที่สะท้อนเข้าตา ทั้งแสงจากตัวคอมพิวเตอร์ แสงที่ลอดจากหน้าต่าง
แสงจากหลอดไฟที่เพดานห้อง โดยเฉพาะแสงจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ที่ใช้ในห้อง
จะมีแสงยูวีและแสงสีน้ำเงินลอดออกมาด้วย การเคลือบผิวเลนส์จะตัดแสงนี้ออกไป
ปกติแล้วแสงสีน้ำเงินทำให้ตาคนเราปรับโฟกัสยาก เนื่องจากมีคุณสมบัติกระจายแสงมาก
การเคลือบช่วยตัดสีน้ำเงินออกจึงทำให้ตาปรับโฟกัสได้ดีขึ้น


ทำสีที่เลนส์ (tint)
เป็นการลดแสงสว่างที่จ้ามากเกินไปลง อีกทั้งกรองสีน้ำเงินออกไป
อาจใช้สีเทาซึ่งช่วยลดความสว่างลง สีชมพูจะตัดสีน้ำเงินออกไปมากกว่าสีอื่น หรือสีเบจ
(สีเทาแกมแดง) เพิ่ม
contrast ขึ้น

ใส่ปริซึม เพิ่มเข้าไปในผู้ที่มีความผิดปกติของกล้ามเนื้อกลอกตา ผู้ที่มีตาเข ตาเอก
ควรใส่ปริซึมเข้าไปจะทำให้ใช้สายตาสบายขึ้น



- - - - - - - - - - - - - - - - - -


25510522

+ 2205 : MY BIRTHDAY

.+ [ 2205 : MY BIRTHDAY ] +.




22 พฤษภา.. เวียนมาบรรจบ ~
ปีนี้ครบ 17 ขวบ!!! แก่ขึ้นอีก 1 ปีแล้ว TT________TT
อุตส่าห์จะแอ๊บเด็ก มอหกแล้วยังสิบหกซะหน่อย

วันนี้เพื่อนในห้อง 6/6 ร้องเพลง HBD ให้
อุ๊ยเขินนน! ฮ่าๆๆๆ =))

พี่ชายอวยพร ขอให้เข้าศิลปากรให้ได้ วิ้วๆ
จะพยายามอย่างสุดความสามารถนะค๊า !!~

ตอนนี้ก็อ่านหนังสือจนมึนกันเลยทีเดียว
วันอาทิตย์ก็ต้องเรียนดาว้องก์ 8.00-16.30 ,, เหนื๊อยเหนื่อย - -"
เล่นคอมน้อยลงละด้วยยยย เพราะไม่มีเวลาอย่างแรง T.T


- - - - - - - - - - - - - - - -

25510516

+ PRIMADONNA



.+ [ PRIMADONNA ] +.


Originellement utilisé dans les compagnies d'opéra,
prima donna est un mot italien signifiant littéralement
« première dame » — pluriel courant « primas donnas »,
pluriel savant « prime donne ». Ce terme est d'abord utilisé
pour désigner la chanteuse principale dans une compagnie d'opéra,
c'est-à-dire la personne à laquelle le rôle principal est attribué.
La prima donna était généralement une soprano.

Les primas donnas sont souvent considérées
comme égocentriques, déraisonnables et irritables,
avec une grande opinion d'elles-même, d'où l'acception moderne
du terme prima donna pour désigner une personne vaniteuse
et dont l'on ne peut cependant se passer.

Depuis que les opéras n'utilisent plus une troupe fixe,
le terme prima donna est devenu un synonyme de diva.

Prima donna est aussi le titre d'une chanson de la comédie
musicale The Phantom of the Opera de Andrew Lloyd Webber,
en référence au mauvais caractère du personnage de Carlotta Giudicelli.


littérale (a.) - ตามตัวอักษร
rôle (n.m) - บทบาท
attribution (n.f.) - หน้าที่ ตำแหน่ง
déraison (n.f.) - การขาดเหตุผล
irritables (a.) - ขี้หงุดหงิด ที่หัวเสียง่าย
vaniteuse (a.) - อวดดี โอ่อวด


- - - - - - - - - - - - - - - -

25510508

+ ไหว้พระกันหน่อย


.+ [ ไหว้พระกันหน่อย ] +.


วันนี้ป๊ะป๋าพาไปวัดหลวงพ่อโสธร* ที่ฉะเชิงเทรามาค่า ...
เพื่อเป็นสิริมงคล~ ต้อนรับเปิดเทอมกันหน่อย

มีเรื่องจะเล่าให้ฟังด้วยแหละ
ป๊ะป๋าบอกว่า ตอนเด็กๆ เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว บิวเป็นอะไรไม่รู้
ประมาณว่าจะไม่อยู่แล้ว .. รีบไปสวรรค์~
ต้องยกให้เป็นลูกของคนอื่น ถึงจะมีชีวิตรอดได้
ที่บ้านเลยยกบิวให้เป็นลูกหลวงพ่อโสธร*

ต้มไข่ไก่ไปถวาย 100 ฟอง โคตรจะเยอะ - -'
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ว่า เกือบทุกคนที่ไปต้องมีไข่ต้ม

คนเยอะมากๆๆๆๆๆๆ เลย ขนาดวันธรรมดานะเนี่ย
ก็ไปปิดทอง ไหว้พระ ตักบาตรข้าวสาร เขย่าเซียมซีด้วย ได้หมายเลข 7
ตอนได้นี่ตกใจเลย O_O"
เพราะบิวเป็นคนที่ชอบเลข 7 มากๆ อะไรๆ ก็เลข 7
แล้วที่ผ่านมาก็ผูกพันกับเลข 7 มาตลอด~


ใบที่เจ็ดเสร็จทุกข์เป็นสุขี
ทั้งบ้านเรือนเพื่อนกินก็ยินดี แต่ตัวนี้เคืองขุ่นดูวุ่นวาย
จะทำบุญให้ทานประมาณจิต คงสมคิดแสนสมอารมณ์หมาย
อย่าอ้อมโอบโลภมากจะยากกาย ฟังภิปรายพาทีคงดีจริง
เหมือนปลูกต้นผลไม้ไว้ใกล้บ้าน คงเป็นการอยู่สุขสิ้นทุกสิ่ง
ถามหาลาภใบนี้ว่าดีจริง หรือถามสิ่งของหายว่าได้คืน
ถามหาคู่สู่สมภิรมย์พักตร ว่าดีนักแสนดีเป็นที่ชื่น
ถามคนเจ็บว่าหายสบายคืน ถามถึงอื่นก็ดีเท่านี้เอยฯ


รวมๆ แล้วก็ดีอะเนอะ ..
ก็นั่งรอไปซักครึ่งชั่วโมง ละก็ลาไข่กลับบ้าน
ตอนออกจากโบสถ์ มีคนฝากรองเท้ามาขอไข่ บอกว่าจะเอาไปทำพะโล้
บิวกับพี่ก็เออ ไม่เป็นไร มีเยอะค่ะ~ ใจดี =))
แต่รู้สึกเค้าจะขอทุกคนที่เดินออกมาพร้อมไข่เลยอ้ะ
อย่าเอาไปขายนะ โกรธ! -..-

เจอคนขอทานด้วย มาแบมือขอตรงที่เค้าทำที่สำหรับไหว้พระหน้าโบสถ์เลย
" ขอเงินหน่อย " แว๊กกกกกกกกก น่ากลัว T^T
ไม่ชอบเลย ขอกันแบบหน้าด้านๆ มาก
ร่างกายก็ปกติดี แถมยืนสูบบุหรี่ขอ แล้วยังงี้ใครจะไปให้
ในเมื่อคุณมีเงินซื้อบุหรี่ คุณก็คงมีเงินพอควรแล้วแหละ ฮ่วยๆๆๆ




ละก็ไปหม่ำๆ หอยทอด เลือกร้านไม่ถูกเลย
คือแถวนั้นมีร้านอาหารเยอะมาก แล้วทุกร้านต้องมีหอยทอด
หอยทอดแม่กลอง* อาหย่อยๆๆๆๆๆๆๆ ^^
ให้หอยโคตรเยอะๆๆๆ ชอบๆๆๆๆ หอยยยยยยยยย !!~



เมื่อวันก่อนคุยกับพี่ใบข้าว (พี่ฉัตรแก้ว 6/6)
สอบตรงติดมศว. มีพี่บุษกรที่ได้มนุษยฯ ฝรั่งเศส
ต้องไปเรียนที่นครนายกนู่นนนน 2 ปีเลย ว้าววววววววววววววววว..
เห็นบ่นว่าคิดถึงก๋วยเตี๋ยวโรงเรียน บิวเลยบอกจะซื้อไปฝาก
มีการบอก มาดิ จะรอ ;) น่านนนน
ปีหน้าก็ตาหนูแย้วววววววววววววว TT.TT


- - - - - - - - - - - - - - - -

25510506

+ 1リットルの涙

.+ [ 1リットルの涙 ] +.





1 Litre no Namida (1リットルの涙, Ichi Rittoru no Namida, lit.
"1 Litre of Tears"; also called A Diary with Tears or A Diary of Tears)
is a Japanese television drama for Fuji Television about a girl
who was diagnosed with an incurable degenerative disease at 15,
but was able to continue her life until her death at the age of 25.

The drama is an adaptation of the diary of a Japanese girl
named Aya Kitō, who suffered from spinocerebellar ataxia.
She began keeping a diary at the suggestion of her doctor,
and continued to write until she could no longer hold a pen.
The diary, titled 1 Litre no Namida, was published shortly after her death.




ขอแหวกแนวมาทางญี่ปุ่นกันบ้าง
" 1 Litre Of Tears " ดูเรื่องนี้ตั้งแต่เดือนตุลาปี '49
ติดกันทั้งบ้าน พ่อ แม่ พี่ชาย พี่สาว ดูกันพร้อมหน้าพร้อมตา

บิวว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เลยล่ะ
หนังครอบครัว เกี่ยวกับเพื่อนด้วย
ร้องไห้ทุกตอน T^T ตาบวมเลย รักแม่ในเรื่องสุดๆ


แล้วยิ่งตอนนี้มาฉายช่องไทยพีบีเอส อยากให้ทุกคนดูอ่า
เป็นเรื่องที่ไม่ควรพลาดจริงๆ
ขนาดบ้านบิวดูกันหมดแล้ว ยังต้องดูซ้ำอีกเลย

เค้าสร้างมาจากเรื่องจริงจากไดอารี่ของเด็กที่ชื่ออายะ น่าสงสารๆๆๆๆ

อย่าลืมนะ " บันทึกน้ำตา 1 ลิตร .. 1 Litre Of Tears "
จันทร์-อังคาร 20.30 - 21.30 ช่อง ThaiPBS














- - - - - - - - - - - - - - - -

25510505

+ Cyclone Nargis Burma: '10,000 dead'



.+ [ Cyclone Nargis Burma: '10,000 dead' ] +.




The death toll from the Burma cyclone is more than 10,000 people,

the foreign ministry said on Monday - the most deadly natural
diaster in the country's recent history.


The provisional death toll was about 10,000 with 3,000 missing,

said a diplomat who attended the foreign ministry briefing.

Survivors faced their third night without electricity
and thousands of downed trees clogged roads,
making organised relief
almost impossible.

People in Rangoon are queuing for drinking water


Diplomats were summoned to a government briefing Monday,

where the Burmese junta issued a rare appeal for international
assistance. The first planeload of Thai aid was due to leave
Bangkok on Tuesday morning..





A state of emergency was declared across much of the country
following the 10-hour storm that left swathes of destruction in its wake.


The staggering death toll would make the cyclone the deadliest
natural disaster to hit Burma in recent history, according to figures
compiled by a United Nations-funded disaster database.


The official toll on state media stood at 3,394 dead and 2,879
missing as of Tuesday morning, although those figures only cover
two of the five declared disaster zones, where UN officials say
hundreds of thousands are without shelter or drinking water.


The Thai government confirmed the Burmese junta had already
requested food, medical supplies and construction equipment.


There have been angry charges of total incompetence by
the Burmese government, leading to the high death toll.




The first lady of the United States, Laura Bush, said Monday,
"Although they were aware of the threat, Burma's state run media
failed to issue a timely warning to citizens in the storm's path,"
Bush said, using the country's historical name.


United Nations Secretary-General Ban Ki-moon said in a statement
he was "deeply saddened by the loss of life and the destruction
suffered by the people" of Burma and pledged to mobilise international
aid and assistance as needed.


A United Nations Disaster Assessment and Coordination team is
on stand-by to assist the government in responding to humanitarian
needs if required, the statement said.


Laura Bush said there will be a "substantial" amount more
if Myanmar's ruling military junta agreed to accept US help.


"I'm worried that they won't even accept US aid," she said. "

And I urge the government to accept aid from the United States
and from the entire international community right now
while the needs of their people are so critical."




The US Embassy in Rangoon has issued a "disaster declaration"
in the country and authorised the release of $250,000 for cyclone
relief efforts, Deputy State Department spokesman
Tom Casey said Monday.


A disaster relief team is standing by, Casey said,
but the Burmese government had not given permission
for the team to enter the country.


Bush said the regime's response to the Cyclone Nargis coupled

with the regime's repressive policies and economic mismanagement
of the country showed the ineptitude of its leaders and the need
of the international community to pressure the government
for democratic change.


"The response to the cyclone is just the most recent example
of the junta's failure to meet its people's basic needs," Bush said,
accusing the junta of squandering the nation's natural resources
for their won benefit.




Relief agencies met at the United Nations' Bangkok headquarters
Monday to coordinate their response to the disaster.
The International Federation of Red Cross and Red Crescent
Societies said it had released 200,000 Swiss Francs (about $190,000)
to help with the aftermath.




- - - - - - - - - - - - - - - -

25510504

+ Admission '51





.+ [ Admission '51 ] +.



ตอนนี้ผลแอดมิชชั่นก็คงจะออกกันแล้วน้อ ตื่นเต้นๆ แทนพวกพี่ๆ
มีเว็บที่ประกาศผลมาฝากกัน เพื่อความหลากหลายในการตรวจสอบ (:


คะแนน 3 อันดับแรกของประเทศ
1.วิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 91.22% (เตรียมอุดม)
2.อักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 91.04% (ราชินีบน)
3.นิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ 89.72% (เตรียมอุดม)

โฮ่ววววววววว สาวอักษร คะแนนสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศ
เยอะจังง่า TT_________TT"


- - - - - - - - - - - - - - - -

+ ภาษาไทย vs ภาษาลาว





.+ [ ภาษาไทย vs ภาษาลาว ] +.



วันนี้มีภาษาประเทศเพื่อนบ้านมาฝาก ไม่ใกล้ไม่ไกล
" ภาษาลาว " นั่นเอง (:

เป็น Forward Mail * เห็นว่าน่ารักดี เลยเอามาลงบล็อกซะหน่อย


ภาษาไทย - ภาษาลาว

ห้องไอซียู - ห้องมรสุม
ปั๊มเชลล์ - ปั๊มหอย
ไฟแดง - ไฟอำนาจ
ไฟเขียว - ไฟอิสระ
ร้านถ่ายรูป - ร้านแหกตา
ผ้าเย็น - ผ้าอนามัย
รถไฟ - ห้องแถวไหล
ห้องผ่าตัด - ห้องปาด
Super Man - บักอึดถลาลม
Face Off - หน้าข้อยอยู่ปู้น หน้าเปิ้นอยู่นี่
Speed - เบรกบ่อยู่
สองสิงห์ชิงบัลลังก์ - สองสิงห์ชิงตั่งนั่ง
รักจริงๆ ให้ดิ้นตาย - ฮักคักคัก ชักแงกแงก (อันนี้น่ารักอ้ะ ^^)
ไททานิค - ชู้รักเรือล่ม
จูลาสสิค ปาร์ค - กะปอมพยศ
เชือด นิ่ม นิ่ม - ปาด เนิบ เนิบ


- - - - - - - - - - - - - - - -